วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สถานที่ที่ถ่ายรูปสินค้า


แนะนำสถานที่ที่ถ่ายสินค้า

     สถานที่ถ่ายสินค้านั้นแทบจะไม่มีข้อจำกัดเลยสักอย่างทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากที่จะได้โลเกชั่นแบบไหนแนวไหนและต้องการสถานที่แบบในต่างจังหวัดหรือในกรุง ผมจะยกตัวอย่างสถานที่ง่ายๆ ที่แค่สามารถถ่ายสินค้าได้ก็เพียงพอน่ะครับ
Indoor
บ้านตัวเอง เป็นสถานที่การถ่ายสินค้าที่ผมคิดว่าได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปไหนเลยก็สามารถถ่ายรูปสินค้าสวยๆออกมาขายได้เช่นกัน
ในห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น หรือตามร้านต่างๆที่เค้าให้คุณสามารถถ่ายรูปได้
สตูดิโอ อันนี้ออกแนวเป็นทางการมากเกินไปแต่ถ้าเกิดว่าสินค้าที่คุณขายนั้นคือชุดแต่งงานหรือ Wedding ต่างๆผมว่าก็ควรจะไปถ่ายที่สตูดิโอ


Outdoor
บริเวณบ้าน ผมแนะนำในสิ่งที่ง่ายที่คิดว่าดีสุดก่อนเลย ถ้าหากบริเวณบ้านคุณนั้นมีสนามหญ้าเล็กๆหรือมุมสวยๆเล็กน้อยนิดนึงที่พอจะสามารถถ่ายรูปสินค้าได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ
ต่างจังหวัด เป็นการถ่ายสินค้าอีกฟิวนึงเช่น คุณขายเสื้อผ้าแฟนชั่นเกี่ยวกับชุดชั้นใน หรือ เสื้อผ้าต้อนรับลมร้อนก็ควรจะไปถ่ายทะเลก็คงจะดีมิใช่น้อยครับ
ฯลฯ นอกสถานที่ไม่จำกัดแล้วแต่ความเหมาะสมของสินค้าและตัวของคุณเอง

 หาพรีเซ็นเตอร์ทดลองใช้สินค้า

การหาพรีเซ็นเตอร์ที่จะมาช่วยทำให้สินค้าของคุณน่าขายมากยิ่งขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นจุดขายก็เป็นได้น่ะครับ สินค้าคุณอาจจะสวยแค่ 40% แต่คุณหาพรีเซ็นเตอร์แบบสวยดุจนางฟ้ามาได้ ก็อาจจะทำให้สินค้าที่มี 40% เพิ่มมาอีก 60% ก็เป็นได้น่ะครับ

วิธีถ่ายรูปและตกแต่งสินค้าให้น่าซื้อ


วิธีถ่ายรูปและตกแต่งสินค้าให้น่าซื้อ

   ในบทนี้จะเสนอวิธีการถ่ายรูปสินค้าต่างๆให้ออกมาดูดีดูสวย ทำให้สินค้าของคุณนั้นดีมีคุณภาพและเพิ่มความน่าซื้อของสินค้าให้มากขึ้นรวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์ที่คุณมีเล็กน้อยในการทดลองใช้สินค้านั้นๆให้เพิ่มความน่าซื้อเข้าไปอีก
   
   เป็นอีกศาสตร์แขนงหนึ่งที่สามารถดึงดูดและสร้างความน่าซื้อให้กับสินค้าของคุณได้เป็นอย่างดี โดยการถ่ายรูปภาพสินค้าของคุณโดยใช้กล้องถ่ายภาพ Digital หรือกล้องถ่ายภาพอย่างอื่นก็ได้แล้วแต่ผู้ใช้ถนัด ถ่ายให้ออกมาสวยและชัดเจนมากที่สุดและต้องถ่ายออกมาให้ได้หลายมุมมองรวมไปถึงการตกแต่งสภาพแวดล้อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบฉากเล็กน้อยเป็นต้น

หาอุปกรณ์ประกอบฉากเพื่อที่จะมาตกแต่งให้สินค้าน่าดูมากยิ่งขึ้น

การหาอุปกรณ์ที่จะมาประกอบฉากนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องสวยหรูหราอะไรมากนักใช้ของแค่เท่าที่เรามีก็พอเช่น เศษผ้าเล็กๆน้อยๆ หรือหามุมดีภายในบ้านหรือนอกบ้านและถ่ายรูปออกมาให้ดูสวยเพิ่มความน่าซื้อให้กับสินค้าของคุณเท่านั้นเอง

ถ้าเราจะเล่นทิศทางแสง โดยไม่ใช้ flash แยก เราจะทำอย่างไร กับ อุปกรณ์อะไรได้บ้าง ปิ้ง ในสมองนึกขึ้นได้ มาลองใช้โคมไฟอ่านหนังสือดีกว่า เลยไปซื้อหลอด ใส้ 100watt แหล่งกำเนิดแสง หน้าที่ก็คือให้แสงแก่เราในการถ่ายภาพ ไม่สำคัญว่าราคาเท่าไร ซึ่งแสงบางอย่างฟรี อย่างเช่นแสงจากธรรมชาติ แต่ตัวแปร เยอะมาก ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของทิศทางของแสง และเรื่องของ เงาสะท้อนที่จะถ่ายกับวัตถุที่มีเงาสะท้อน  จึงเป็นที่มาว่า ทำไม ต้องมีสตูดิโอ ซึ่งควบคุมและจัดแสง ได้ง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็นวัตถุขนาดเล็กก็จะมี เต็นท์ ถ่ายสินค้า ซึ่งก็มีราคาสูงเช่นกัน

อุปกรณ์ ประกอบฉากชิ้นสำคัญต่อไป หาได้ทั่วไปเลยครับ ก็คือ กระดาษ a4 นั่นเอง กับแก้วกาแฟ ดูเอาเองนะครับ ว่าแก้วกาแฟใช้ทำอะไร ใครจะใช้อย่างอื่นแทนก็ได้นะครับ ซึ่งในกระทู้นี้ผมจะเน้นของที่ง่าย และหาได้ใกล้ตัวเลยนะครับ เพราะเชื่อมั่นว่า ง่ายที่สุด คือ ดีที่สุด ผมทำได้ ใครก็ทำได้ครับ


เรามีตัววัตถุคือ นาฬิกาแล้ว มีโคมไฟ พร้อมหลอดไฟแล้ว มีฉากแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง ก็คือขาตั้งกล้องครับ ผมใช้ขาตั้งกล้องถูกๆ อันละ 200 บาท จริงจะไม่ใช้ก็ได้นะครับ เพียงแต่ ผมถ่ายคนเดียวเลย ต้องใช้ เดี๋ยวจะบอกว่าทำไมต้องใช้ครับ ให้คุณผู้อ่านลองสังเกตุดู ภาพที่ได้จากการส่องแสงของโคม ซึ่งเราเรียกแสงแบบนี้ว่าแสงต่อเนื่อง โดยยิงมุม เฉียงเข้าหาตัวแบบ จากด้านบน ขวา เยื้องมาทางด้านหน้า เรียกว่า shortlight ทำให้แบบ ดูมีมิติมากขึ้นกว่า ยิงตรง boardlight แต่แสงจะแข็ง และเกิดเงาที่ กระดาษอย่างชัดเจนครับ ที่สำคัญภาพเหลืองจริงๆมาแก้ปัญหากันครับ




มาตั้ง white balance ก็เลือก ทั้งสเตนเลย หรือไม่ก็ custom whitebalance กับภาพถ่ายกระดาษขาวเปล่าภายใต้แสงหลอดไฟ ภาพที่ได้จะได้ white balance ที่ถูกต้องครับ แต่แสงก็ยังแข็ง และเงาตกทอดลงบนตัวกระดาษ ก็ยังคมอยู่ดี

ถ้าเราจะเล่นทิศทางแสง โดยไม่ใช้ flash แยก เราจะทำอย่างไร กับ อุปกรณ์อะไรได้บ้าง ปิ้ง ในสมองนึกขึ้นได้ มาลองใช้โคมไฟอ่านหนังสือดีกว่า เลยไปซื้อหลอด ใส้ 100watt แหล่งกำเนิดแสง หน้าที่ก็คือให้แสงแก่เราในการถ่ายภาพ ไม่สำคัญว่าราคาเท่าไร ซึ่งแสงบางอย่างฟรี อย่างเช่นแสงจากธรรมชาติ แต่ตัวแปร เยอะมาก ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของทิศทางของแสง และเรื่องของ เงาสะท้อนที่จะถ่ายกับวัตถุที่มีเงาสะท้อน  จึงเป็นที่มาว่า ทำไม ต้องมีสตูดิโอ ซึ่งควบคุมและจัดแสง ได้ง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็นวัตถุขนาดเล็กก็จะมี เต็นท์ ถ่ายสินค้า ซึ่งก็มีราคาสูงเช่นกัน

อุปกรณ์ ประกอบฉากชิ้นสำคัญต่อไป หาได้ทั่วไปเลยครับ ก็คือ กระดาษ a4 นั่นเอง กับแก้วกาแฟ ดูเอาเองนะครับ ว่าแก้วกาแฟใช้ทำอะไร ใครจะใช้อย่างอื่นแทนก็ได้นะครับ ซึ่งในกระทู้นี้ผมจะเน้นของที่ง่าย และหาได้ใกล้ตัวเลยนะครับ เพราะเชื่อมั่นว่า ง่ายที่สุด คือ ดีที่สุด ผมทำได้ ใครก็ทำได้ครับ



เรามีตัววัตถุคือ นาฬิกาแล้ว มีโคมไฟ พร้อมหลอดไฟแล้ว มีฉากแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง ก็คือขาตั้งกล้องครับ ผมใช้ขาตั้งกล้องถูกๆ อันละ 200 บาท จริงจะไม่ใช้ก็ได้นะครับ เพียงแต่ ผมถ่ายคนเดียวเลย ต้องใช้ เดี๋ยวจะบอกว่าทำไมต้องใช้ครับ ให้คุณผู้อ่านลองสังเกตุดู ภาพที่ได้จากการส่องแสงของโคม ซึ่งเราเรียกแสงแบบนี้ว่าแสงต่อเนื่อง โดยยิงมุม เฉียงเข้าหาตัวแบบ จากด้านบน ขวา เยื้องมาทางด้านหน้า เรียกว่า shortlight ทำให้แบบ ดูมีมิติมากขึ้นกว่า ยิงตรง boardlight แต่แสงจะแข็ง และเกิดเงาที่ กระดาษอย่างชัดเจนครับ ที่สำคัญภาพเหลืองจริงๆมาแก้ปัญหากันครับ




มาตั้ง white balance ก็เลือก ทั้งสเตนเลย หรือไม่ก็ custom whitebalance กับภาพถ่ายกระดาษขาวเปล่าภายใต้แสงหลอดไฟ ภาพที่ได้จะได้ white balance ที่ถูกต้องครับ แต่แสงก็ยังแข็ง และเงาตกทอดลงบนตัวกระดาษ ก็ยังคมอยู่ดี

เราจะจัดการกันอย่างไรกับแสงที่แข็งจนทำให้เกิดเงาที่ กระดาษ a4 ละครับ มาทำความเข้าใจกันนิดนึง แสงนุ่มจะทำให้เราสามารถ ลดเงาที่เกิดขึ้นได้นะครับ และทำให้ subject ที่โดนแสงโดนตรงที่เคยขาดรายละเอียดจะมีรายละเอียดกลับมา แล้วทำอย่างไรจะทำให้เกิดแสงนุ่ม ?
แสงนุ่ม เกิดจากแหล่งกำเหนิดแสงมีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับวัตถุที่จะถ่าย บางท่านนึกถึงดวงอาทิตย์ เพราะมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าโลกเราอีก แต่วันที่ฟ้าโปร่งทำไม คนยืนกลางแดด จึงมีเงาเข้ม ใต้ตา ใต้คาง หรือแม้แต่ตอนเย็น ที่ฟ้าเปิด เงาก็ยังแข็งอยู่ดี แต่เราลองสังเกตุดูนะครับ มองขึ้นไปแล้วดวงอาทิตย์ เหลือดวงนิดเดียวเลย เมื่อเทียบกับตัวเรา เพราะฉะนั้นก็คือว่า มีขนาดใหญ่ที่หมายถึงคือ ใหญ่กว่าวัตถุแบบ เห็นได้ประจักษ์เลยครับ

แหล่งกำเนิดแสงอยู่ใกล้ กับวัตถุยกตัวอย่างถ้าในสตูดิโอ อยากให้แสงนุ่มขึ้น นอกจากจะใช้ softbox ที่ใหญ่กว่าตัวแบบเยอะๆแล้ว ก็ต้องขยับเข้ามาใกล้ตัวแบบมากขึ้น ยิ่งใกล้ยิ่งนุ่ม แต่เป็นดวงอาทิตย์ นี่เราดึงมาใกล้ไม่ได้ ก็ต้องหาตัวกระจายแสงทีทำให้นุ่มมาอยู่ใกล้แบบ เช่น ผ้าใบ สีขาวขุ่น ขนาดใหญ่ ข้ามหัวตัวแบบ เหมือนถ่ายรถยนต์ softbox ใหญ่ กว่าตัวรถยนต์อีกและอยู่ใกล้ตัวรถมากๆ ในขณะที่ต้องไม่บังเฟรมนะครับ

     คราวนี้มาดู สิ่งที่เราถ่ายกันบ้างครับ ว่าจะใช้อะไรในการทำให้นุ่ม ใช้ของใกล้ตัว และ ง่ายที่สุดคือดีที่สุด ผมทำได้ คุณก็ทำได้และที่ผมทำคือ ใช้ถุงพลาสติก ทำให้แสงนุ่มขึ้นโดยทำให้แสง ฟุ้งกระเจิง ทำให้ขยายแหล่งกำเนิดแสงจากโคมไฟ ให้ใหญ่ขึ้น เท่าขนาดของถุง ซึ่งเมื่อเทียบกับ นาฬิกาแล้ว ใหญ่กว่ามากเลยครับ แล้วผมก็ขยับถุงเข้ามาใกล้กับ นาฬิกาให้มากที่สุด โดยที่ไม่บังเฟรมที่จะถ่าย
  
ผมติดข้างใว้ว่าทำไมผมต้องใช้ขาตั้ง เพราะผมต้องใช้มืออีกข้างถือ ถุงพลาสติกนี่เอง และตั้งเวลาถ่ายเราลองมาเปรียบเทียบดู ระหว่าง สองภาพนี้ภาพที่ใช้ ถุงพลาสติก กับภาพที่ไม่ได้ใช้ ภาพนี้ไม่ได้ใช้ถุงพลาสติกนะครับ สังเกตุดูเงาที่วัตถุนะครับ แข็ง และมีขอบคม รายละเอียดตรงขอบหน้าปัดสีส้มด้านขวาตัวเรือน รายละเอียดหาย เนื่องจากโดนแสงกระทบโดยตรงครับ
 
แล้วมาดูอีกภาพ ภาพนี้ใช้ถุงพลาสติก ในที่นีถ้าใครมีอุปกรณ์อื่นที่ เป็นสีขาวขุ่น โปร่งแสง นะครับ เช่น กระจกฝ้า ,แผ่นกระดาษไขเขียนแบบ ,แผ่นพลาสติกขุ่นสีขาว ,กระดาษสา, ผ้าม่านสีขาวบาง ,ผ้าขั้นกระทิของคุณแม่ ฯลฯ  แล้วแต่ความถนัดของคุณเลยครับ คราวนี้ลองดู ในส่วนของเงาที่ตกกระทบบนฉาก ลดความเข้มลง ความคมที่ขอบเงา หายไป ดูนุ่มนวลขึ้น รายละเอียดที่ตัวขอบหน้าปัดสีส้มด้านขวากลับมาแล้วและเห็นชัดขึ้น

เทียบให้ดู ระหว่าง ใช้ flash หัวกล้องถ่าย กับ การจัดไฟโคมถ่าย แล้วใช้ถุงพลาสติกสีขาวขุ่นบัง
     นอกจากการถ่ายสินค้าเล็กแบบนี้แล้วการถ่ายสินค้าเช่น เสื้อผ้า ,กระเป๋า ,รองเท้า ,เครื่องสำอาง ฯลฯ ก็ใช้เทคนิคแบบนี้ไม่ต่างอะไรกันมากนักเน้นความสวยคมชัด แสง ที่พอดี เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้สินค้าของคุณนั้นดูสวยและน่าซื้อกว่าร้านไหนแล้วครับ